วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความรู้เกี่ยวกับสุนัข

เรื่องควรรู้ ก้อนเนื้องอก ใช่เนื้อร้ายหรือไม่

บ่อยครั้งที่ผู้เลี้ยงสุนัข-แมว มักจะพกพาเอาคำถามที่เจ้าตัวสะดุดจากการสัมผัสสัตว์เลี้ยง โดยพบก้อนเนื้อ หรือรอยนูนใต้ผิวหนัง ด้วยเกรงว่านั่นอาจเป็นเนื้อร้ายก่อโรคมะเร็ง

 เพราะทั้งน้องหมาน้องแมวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่มักจะต้องคลุกคลีกับคนเสมอ ๆ การสัมผัส ลูบไล้ เล่น กอด และหอมกัน ดูจะเป็น
เรื่องธรรมดาสามัญเอามาก ๆ แต่หากวันใดที่การสัมผัสนั้น พบสิ่งแปลกปลอมบนตัวสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่าผู้เป็นเจ้าของก็ต้องหาคำตอบให้ได้
ว่ามันคืออะไร???
คิดว่าหลายท่านคงมีประสบการณ์เกี่ยวกับการได้ยินเสียงของเจ้าตูบที่ส่งเสียงดัง ๆ ด้วยการเห่ากันมาไม่มากก็น้อย การได้ยินเสียงเห่าของเจ้าตูบนั้นคงไม่มีใครพิศวาส อยากได้ยินสักเท่าไหร่ เพราะมันช่างน่ารำคาญ และน่าหงุดหงิดซะนี่กระไร แล้วทำไมเจ้าตูบถึงต้องเห่า
           การเห่าของสุนัขถือเป็นพฤติกรรมสื่อสารตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากเห่ามากเกินไป ก็เป็นปัญหาได้เหมือนกัน เราจะควบคุมการเห่าของสุนัขได้อย่างไร ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าธรรมชาติขิงสุนัขเห่าเพื่อต้องการสื่อสารอะไร
             Lovely/anxious barking เห่าเมื่อรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว วิตกกังวล เป็นต้นว่า ถูกขัง ถูกบังคับ เสียงจะแหลมขึ้น และบอกได้ถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว เสียงนี้แหละที่จะสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านจนเป็นปัญหากันมานักต่อนักแล้ว
             Bored barkers เห่าเมื่อสุนัขรู้สึกเบื่อ
             Play/ excuenebt bards การเห่าเมื่อต้องการเล่นหรือตื่นเต้น ลักษณะสั้นและเสียงแหลม
             Self-identification barking เห่าเมื่อสุนัขต้องการเห่าตอบเสียงเห่าหอนของสุนัขตัวอื่น ๆ ที่อาจได้ยินจากข้างบ้าน
             Startle barking เกิดขึ้นเมื่อมีเสียงหรือการเคลื่อนไหวอย่างทันทีหรือเสียงจากคนแปบกหน้า คล้าย ๆ กับ alert bark
             Alert /warning barks เป็นการเห่าเพื่อกระตุ้นเจ้าของว่า จะมีภัยอันตรายหรือคนแปลกหน้าเข้ามา ลักษณะการเห่าจะเร็วประหนึ่งว่ามีผู้บุกรุก เสียงขู่คำรามเบา ๆ ในลำคอ อาจสับสนกับการเห่าจากการกลัว
             Attention-seeking barks มักเกิดกับลูกหมาเด็กที่ต้องการ การดูแล เรียกร้องความนใจ เราต้องใจแข็ง ทำเป็นไม่สนใจอย่างหนัก ถือเป็นการฝึกไม่ให้เกิดพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ในอนาคต เพราะถ้าติดเป็นนิสัยถึงตอนโตแล้ว ก็จกยากกับการแก้ไข
หลักการสำคัญในการควบคุมการเห่าที่ไม่พึงประสงค์
          ถ้าจะสามารถควบคุมการเห่าได้ สุนัขต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของก่อน ถ้าเราสั่งไม่ได้ก็จะทำให้การฝกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่วนมากเลยที่เจ้าของจะพูดสั่งเจ้าตูบไม่ให้เห่าคือ ไม่ ไม่ ไม่ จะยิ่งทำให้สุนัขคิดว่าเราอยากเห่าด้วย อยากเล่นกับเค้า หรือบอกว่าคุณชอบที่จะเล้นกับเค้า เค้าก็ยิ่งเห่า เราต้องเลือคำสั่งเพียงหนึ่งคำ เช่น หยุด หรือ พอ แล้วใช้คำนั้นตลอด ด้วยเสียงแบบเดิม และให้ทุกคนในบ้านทำเหมือนกัน แต่การสอนเจ้าตูบนั้น ต้องใช้ความอดทนเป็นที่ตั้ง และต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้รางวัลเมื่อสุนัขทำตาม ซึ่งจะดีกว่าการลงโทษ ยิ่งทำให้สุนัขกลัว และรู้สึกฝืนและต่อต้าน
          นอกจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของุนัขแล้ว ปัจจุบันนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็น ปลอกคอกันเห่าของสุนัขมีมาให้เลือกซื้อเลือกหากันอีกด้วย แต่การใช้ปลอกคอกันเห่าเป็นประจำอาจทำให้สุนัขเห่ามากขึ้น จึงควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
          ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การตัดกล่องเสียง สัตวแพทย์หลาย ๆ ท่านไมนิยมใช้วิธีการนี้ เนื่องจากบางรายไม่ได้ผล รายที่ได้ผล สุนัขจะเห่าเสียงแหบ ๆ วิธีกานนี้เป็นวิธีการที่นักพฤติกรรมสัตว์ยังสงสัยถึงผลที่ได้รับอยู่ เนื่องจากสาเหตุการเห่ามีมากมาย การรักษาจึงต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุ ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไข ทางที่ดีเจ้าของสุนัขควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้สุนัขเห่า
          สำหรับท่านที่กำลังประสบปัญหาเจ้าตูบของคุณเห่ามากกว่าปกติก็ลองนำวิธีการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไปลองทำดูนะครับ เชื่อแน่ว่าปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่ต้องทเลาเบาบางลงไปแน่นอน
ที่มา : ข่าวโลกสัตว์เลี้ยง
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

ข้อควรจำสำหรับคนที่รักและเลี้ยงสุนัข

 
 ในกรณีของผู้เลี้ยงที่ต้องออกไปทำงาน ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ให้สุนัข สำคัญที่สุด คือ น้ำสะอาดสำหรับสุนัข ห้ามเด็ดขาดที่จะทิ้งอาหารไว้ให้สุนัขรับประทานทั้งวัน เพราะสุนัขไม่ได้ออกกำลังกาย ดังนั้น จึงเป็นการสะสมพลังงานและไขมัน ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ และ
พฤติกรรมไม่ดีต่าง ๆ ได้ง่าย
ความรักจากเพียงแรกพบอาจไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ร่วมกัน ยังต้องอาศัยความเข้าใจ ความเอื้ออาทร รวมไปถึงประสบการณ์จากการได้ใช้เวลาร่วมกัน
 1. แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับต้นกำเนิดสายพันธุ์ แต่เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่อยู่ในตระกูลสปิทซ์ (Spitz) ซึ่งสุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ ในกลุ่มนี้ จะมีจุดร่วมที่คล้ายคลึงกันคือ มีเส้นขนที่ยาวและหนา ส่วนหางม้วยเข้าหาแผ่นหลัง           2. ชื่อสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียนนั้น ตั้งตามชื่อแคว้นปอมเมอเรเนีย ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีและโปแลนด์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ แคว้นปอมเมอเรเนีย ไม่ได้เป็นถิ่นกำเนิดของสุนัขสายพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน แต่เป็นถิ่นที่นิยมเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ไว้ใช้งานมาตั้งแต่สมัยโบราณ
          3. เห็นตัวเล็กน่ารักแบบนี้ เชื่อไหมว่า ปอมเมอเรเนียน ในอดีตเป็นสายพันธุ์สุนัขใช้งานที่มีน้ำหนักกว่า 15 กิโลกรัม จนเมื่อชาวยุโรปเริ่มนิยมเลี้ยง ปอมเมอเรเนียน ในฐานะสัตว์เลี้ยงประจำบ้านมากขึ้น อดีตหมาใหญ่ก็ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเหลือ 10 กิโลกรัม และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือประมาณ 3 กิโลกรัม ดังที่เห็นในปัจจุบัน
          4. ปอมเมอเรเนียน ได้เข้าสู่สังคมชั้นสูงแห่งเมืองผู้ดีอังกฤษเป็นครั้งแรกโดยการนำเข้าของาชินีชาร์ล็อต มเหสีของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ซึ่งสุนัข ปอมเมอเรเนียน ในสมัยนั้นยังคงเป็นสุนัขนาดกลาง หน้าตาไม่ได้น่ารักจิ้มลิ้มอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ แต่เมื่อปอมเมอเรเนียน ได้ปรากฎตัวในฐานะสุนัขของพระราชินี กลุ่มคนชนชั้นสูงในประเทศอังกฤษจึงเริ่มให้ความสำคัญกับสุนัขสายพันธ์นี้เพิ่มมากขึ้น
          5. Marco เป็นชื่อของปอมเมอเรเนียนตัวน้อยที่เป็นดาวเด่นของราชวงศ์อังกฤษในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ซึ่งได้มาเมื่อครั้งที่ พระองค์เสด็จไปเยือนนครฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ในปี 1888 Macro เป็นสุนัขขนาดเล็กกะทัดรัด ขนฟู ความน่ารักของ ปอมปอมตัวน้อยเป็นจุดเริ่มต้นของการเพาะพันธุ์ปอมเมอเรเนียนขนาดเล็กขึ้นอย่างเป็นระบบและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
          6. เมื่อได้รับเกียติให้เข้าสู่สังคมชั้นสูง ปอมเมอเรเนียนจึงได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ทั้งในด้านขนาดร่างกายและกิริยาท่าทาง น้องหมาผู้มีเกียรติที่อยู่เคียงข้างบรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีชาวอังกฤษนั้นจะเชิดคอสูง ยืนด้วยปลายเท้า ดูมีบุคลิกสมกับเป็นผู้ดีด้วยเช่นกัน
          7. ถึงแม้จะเคยเป็นน้องหมาผู้ดีในแวดวงชนชั้นสูง หรือจะเป็นคุณหนูตัวน้อยประจำบ้าน แต่ปอมเมอเรเนียนก็ไม่เคยลืมสัญชาตญาณการเป็นสุนัขใช้งานในเขตหนาว พวกเขายังคงคล่องแคล่ว ว่องไว ปรับตัวได้ดีเยี่ยม กล้าหาญและซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก
          8. ปอมเมอเรเนียนสามารถเข้ากับเด็กและสุนัขสายพันธุ์อื่นได้เป็นอย่างดี แต่หากครอบครัวไหนมีเจ้าปอมน้อยเป็นเจ้าถิ่น การรับสมาชิกใหม่ก็ควรให้เวลาน้องปอมได้ปรับตัวระยะหนึ่ง ทั้งนี้ ด้วยขนาดร่างกายที่เล็กบางของปอมเมอเรเนียน ก็อาจได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกับเพื่อนต่างขนาดได้ง่าย ในระยะแรกที่พบหน้ากันเจ้าของจึงควรเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด
          9. ปอมเมอเรเนียนจะมีการผลัดขนจำนวนมากเป็นประจำทุกปี โดยสุนัขเพศผู้จะผลัดขนปีละครั้ง ส่วนเพศเมียปีละสองครั้งก่อนรอการเป็นสัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนจะเลือกเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้
          10. ปัญหาสุขภาพของน้องหมาที่คนรักปอมฯ ควรจำใส่ใจ ได้แก่ ปัญหากระดูกสะบ้าเคลื่อน หลอดลมตีบ ขนร่วงจากสาเหตุต่าง ๆ ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ และบางครั้งอาจพบปัญหาฟันร่วงก่อนวัยอันควร
          เพราะความรักจากเพียงแรกพบอาจไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ร่วมกัน ยังต้องอาศัยความเข้าใจ ความเอื้ออาทร รวมไปถึงประสบการณ์จากการได้ใช้เวลาร่วมกัน ที่จะช่วยส่งความรู้สึกฝากไปถึงเจ้าปอมเมอเรเนียนตัวน้อย ให้ได้รับรู้ว่าคนที่เขารักมากที่สุดก็รักเขามากเช่นกัน
ที่มา และ ภาพประกอบ : Dogazine , Kapook.com

รักสัตว์เลี้ยงมากไป นำโรคภัยมาให้ตัว


เพื่อนรักสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่เราเลี้ยงเอาไว้แก้เหงานั้น ไม่ว่าจะสุนัขหรือแมว ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักว่าเป็นเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ ถึงจะรักกันแค่ไหนก็ต้องมีระยะห่างกันบ้าง บางคนรักมากถึงขนาดอุ้มสัตว์เลี้ยงสุดรัก ขึ้นมากอดรัดฟัดเหวี่ยง จูบปากหอมแก้ม ไม่มีช่องว่างใดๆ มาขวางกั้น แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำอย่างนั้นอาจนำโรคภัยมาสู่ตัวเองได้ง่ายๆ
             ข้อมูลจากหนังสือ "รู้ไว้...ไกลโรค" ของโรงพยาบาลพญาไท ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของ โรคร้ายที่มากับสัตว์เลี้ยง ไว้ว่า การติดต่อหรือรับเชื้อนั้นอาจจะเกิดได้ 2 ทาง คือ น้ำลายและไอละอองจากการหายใจของสัตว์เลี้ยง ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเอง จึงควรระมัดระวัง ไม่คลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเกิดรอยแผลหรือรอยขีดข่วนบนร่างกาย หรือเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบาย หรือในช่วงที่มีอาการของโรคประจำตัวเกิดขึ้น
             กลุ่มเสี่ยง ที่จะได้รับโรคจากสัตว์เลี้ยง คือกลุ่มคนทั่วไปทุกเพศทุกวัย ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง จำพวกสุนัขและแมว ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง เบาหวาน
             อาการที่พึงระวัง เมื่ออยู่ใกล้ชิดสัตว์เลี้ยงแล้วมีอาการคัดจมูกคล้ายเป็นหวัด เกิดการอักเสบบริเวณตา ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเกิดการติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงได้
             โรคที่ติดจากสัตว์เลี้ยงนั้น มีหลายชนิด บางครั้งไม่ได้ส่งผลให้เกิดอาการป่วยในทันที เชื้อจะโจมตีร่างกายให้ป่วยได้เฉพาะช่วงที่ภูมิคุ้มกันร่างกายเราอ่อนแอเท่านั้น ส่วนคนที่ร่างกายแข็งแรงแม้ตรวจพบเชื้อก็ยังไม่ส่งผลใดๆ ในทางการแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า "ฟลอร่า" หรือเชื้อที่เป็นผู้อาศัยโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอหรือพักผ่อนน้อย แล้วได้รับเชื้อเข้าไปจะมีอาการที่แสดงออกชัดเจน เช่น ไอ จาม คัดจมูกคล้ายเป็นหวัด หรือหากรับเชื้อเข้าสู่ตา จะส่งผลให้ตาบวม อักเสบ ขึ้นได้
             ทางที่ดีสำหรับผู้มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้านจึงควรต้องรู้จักเฝ้าสังเกตอาการตัวเองด้วย และอย่ารัก (สัตว์) มากเกินไป จะนำภัยมาถึงตัว.
ที่มา และ ภาพประกอบ : ข่าวไทยรัฐ ออนไลน์

ความในใจของ บางแก้ว ผู้ภักดี

การแสดงออกถึงความรักภักดี การหวงบ้าน การหวงของ การรักและหวงเจ้านายฉันผิดหรือ ?
     พวกคุณไม่เข้าใจฉันมากกว่า แต่ละช่วงอายุของฉัน พฤติกรรมที่ฉันแสดงออกไปนั้น ล้วนแต่ทำออกมาจากจิตใต้สำนึกของฉันซึ่งเต็มไปด้วยความรักและภักดีต่อคุณ

                ตอนเล็กๆ ฉันทำอะไรคุณก็บอกว่าฉันน่ารัก พอโตขึ้นฉันทำแบบเดิมๆ คุณก็ตี คุณก็ทุบ เต๊ะบ้าง ฉันเองก็ไม่อาจที่จะเข้าใจว่าคุณรักฉันหรือเปล่า? แต่ความรักของฉันที่มีต่อคุณ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  ตอนที่ฉันยังเล็กๆเป็นลูกหมาที่น่ารัก ดูเหมือนคุณมีเวลาที่จะใส่ใจฉัน เล่นกับฉัน กอดหอมฉัน ดูเหมือนคุณรักฉันมากมาย คุณมีเวลาที่จะเล่น คุณมีเวลาที่จะเฝ้ามองฉัน ฉันมีความสุขมาก แต่คุณก็ไม่เคยสอนฉันเลย ว่าคุณอยากให้ฉันมีนิสัยเช่นไร? ไม่เคยที่จะสอนฉันให้เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการเลย คุณเคยที่จะบอกฉันไหม? ว่าคุณชอบ หรือไม่อยากที่จะให้ฉันทำสิ่งใด มาวันนี้เวลาแม้แต่น้อยนิดคุณก็ไม่เคยเหลียวแลฉัน คุณกลับมาบ้านฉันดีใจ อยากที่จะพบหน้าคุณ หาของอะไรที่พอจะคาบได้ไปเป็นของกำนัลแด่คุณ แต่คุณก็ไม่เคยสนใจฉันเลยแม้แต่น้อย ดุฉันบ้างตีฉันบ้าง หาว่าฉันทำบ้านเลอะเทอะ ทำลายสิ่งของ

                ตอนเล็ก ฉันวิ่งเล่นไปได้รอบๆบ้าน ไปขุดคุ้ยเขี่ยดิน ชมนกชมไม้ไปรอบๆบริเวณ วันนี้คุณหาว่าฉันเล่นไม่รู้เรื่อง ขุดคุ้ย ต้นไม้ ทำให้บ้านที่สวยงามเสียหาย ตีฉัน อะไรกันนี่ ฉันทำอะไรผิดเหรอ ฉันก็เล่นเช่นนี้ทุกๆวัน แล้ววันหนึ่งคุณก็จับฉันมาล่ามโซ่ ไม่ให้ฉันไปไหน วิ่งเล่นก็ไม่ได้ ชีวิตของฉันอยู่แค่บริเวณแค่ปลายโซ่ข้างหนึ่ง กับหลักอีกข้างหนึ่ง

                ฉันอยากวิ่งเล่นเหมือนที่ฉันเคยทำ คุณก็ไม่เคยที่จะสนใจ คนที่เคยมาเล่นกับฉันก็ห่างหายไป ถึงเวลากินฉันก็เห็นเพียงคนคนหนึ่งถือชามข้าวมาวางแล้วก็จากไป ไม่มีใครเหลียวแลฉัน ชีวิตฉันไม่รู้จักใคร ใครๆก็คือคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ฉันเห่า ฉันขู่คำราม เพราะฉันไม่รู้จักเขาคนนั้น ไม่รู้จักชีวิตที่ไกลเกินโซ่เส้นนี้  ฉันทำหน้าที่เตือนภัยให้คุณยามคุณหลับไหล ฉันทำหน้าที่เฝ้าบ้านให้คุณ

                วันหนึ่งมีคนที่ฉันไม่รู้จักเข้ามาใกล้ๆฉัน ฉันหวาดระแวงไม่รู้ว่าเขาจะมาทำร้ายฉันหรือไม่? ฉันก็เห่าและกัดเขาเพื่อป้องกันตัวเองและกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายคุณ คุณก็ส่งเสียงโวยวายถือไม่อันใหญ่ลงมาทุบตีฉัน หาว่าฉันดุ  บอกว่าคนที่ฉันกัดนั้นเป็นเพื่อน เป็นญาติของคุณ ฉันจะรู้ได้ไหมว่าเขาเป็นใคร เพราะคุณไม่เคยที่จะให้เขารู้จักฉัน ฉันทำหน้าที่ของฉันเพื่อตัวฉันเองและเพื่อปกป้องคุณ

                คุณเป็นคนที่ฉันรักที่สุด แต่วันนี้คุณทำร้ายฉันบาดเจ็บสาหัส จากความรักที่ฉันมีอยู่ กลายเป็นหวาดกลัวคุณ หวาดระแวงกลัวว่าคุณจะทำร้ายฉันอีก เวลาฉันเห็นคุณฉันอยากเข้าไปเล่นกับคุณเหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่วันนี้ฉันทั้งรักและหวาดระแวงคุณ แค่คุณยกมือจะมาเล่นกับฉันฉันก็หวาดระแวงกลัวว่าฉันจะถูกคุณทำร้ายอีก เมื่อฉันเป็นอย่างนี้ความรักที่คุณให้ฉันก็น้อยลงไปทุกที ส่วนฉันยังรักคุณเหมือนเดิมแต่ความหวาดระแวงกลับมีมากขึ้นทุกวัน นี่เป็นเพราะฉันหรือคุณกันแน่ที่ทำให้ความเหินห่างระหว่างเรามีมากขึ้น

                ตอนเล็กๆคุณกอดหอมฉันได้ทุกเวลาที่คุณอยากทำ แต่วันนี้คุณไม่ได้ดูแลฉัน ไม่เคยที่จะอาบน้ำทำความสะอาดฉัน ฉันผิดเหรอที่จะมีกลิ่นสาปสางเช่นนี้ เนื้อตัวดูสกปรกมอมแมม มีแผลพุพอง อันเกิดจากเห็บหมัดที่ฉันไม่สามารถจะกำจัดได้เอง ต้องอาศัยคุณเป็นผู้ดูแล แต่คุณไม่เหลียวแลฉันเลย ปล่อยฉันให้มีสภาพเช่นนี้ ฉันอยากไปเล่นกับคุณ เรียกคุณเข้ามาหาฉัน เพราะฉันไปหาคุณไม่ได้ พอคุณเดินมาดุด่าฉัน แล้วคุณก็เดินจากไป ไม่มีเวลาที่จะมาเล่น มาดูแลฉัน สภาพของฉันก็ไม่น่าดูสำหรับทุกๆคน คุณก็บอกว่าฉันเหม็น แต่คุณไม่อาบน้ำให้ฉัน คุณบอกว่าฉันน่าเกลียดเป็นแผลพุพองเต็มตัว แต่คุณก็ไม่รักษาฉัน แล้วฉันจะหายได้อย่างไร?

                แต่วันนี้คุณไม่ต้องรักษาฉันแล้ว ฉันหายจากโรคร้ายแล้ว ฉันหายจากความทุกข์แล้ว ฉันสามารถไปไหนๆได้ตามใจที่ฉันปารถนาแล้ว แต่ฉันก็ยังรักและเป็นห่วงคุณเสมอ ฉันเองก็ยังรอคุณกลับบ้านทุกวัน ฉันก็ยังรักและภักดีกับคุณเหมือนเดิม และยังแอบอิจฉาลูกสุนัขตัวใหม่ที่คุณแสดงความรักกับเขาเหมือนตอนที่คุณได้ฉันมาใหม่ๆ ขอให้คุณรักเจ้าหมาน้อยตัวใหม่ให้มากๆ ขอให้ชีวิตฉันเป็นบทเรียนสำหรับการเลี้ยงหมาบางแก้ว อย่าดูแลเขาเหมือนคุณดูแลฉัน สำหรับฉันยังภักดีต่อคุณ จะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลและปกป้องคุณตลอดไป
    
                จากหมาบางแก้วผู้ภักดี
ที่มา : บางแก้วดอทคอม
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

สิ่งของสำหรับน้องหมาตัวใหม่




สำหรับผู้ที่จะนำสุนัขตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงนั้น เราจะต้องเตรียมข้าวของของเค้าให้เรียบร้อย คือเมื่อนำสุนัขมาก็พร้อมจะใช้ได้ทันที ใครว่าสิ่งของสุนัขไม่สำคัญ ในความเป็นจริงแล้ว อุปกรณ์ เครื่องใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นจำเป็นมาก เค้าควรจะมีของใช้ส่วนตัว ไม่ปะปนกับคนหรือสัตว์ตัวอื่นๆ มาดูกันดีกว่าว่าของใช้ที่จำเป็นสำหรับน้องหมานั้นมี อะไรบ้าง
               1. เชือกจูง ปลอกขอพร้อมสลักชื่อ ที่อยู่ของสุนัข หรือเป็นป้ายชื่อก็ได้ ในต่างประเทศนั้นพบว่าเจ้าตูบไม่สามารถจะกลับบ้านได้ เมื่อพลัดห ลงกับเจ้าของ เพราะไม่มีปลอกคอนี่เอง และประโยชน์สำคัญของการมีเชือกจูงก็คือ ทำให้เค้าปลอดภัยจากรถราบนท้องถนน เมื่อเราได้ผูกเชือกจูงเอาไว้ให้ เค้าก็ไม่สามารถจะลงไปกระโดดโลดเต้นบนถนนได้ บางคนอาจคิดว่าเป็นการจำกัดสิทธิของสุนัขมากเกินไป แต่แท้จริงแล้วควรจะมีต่างหาก และต้องหัดให้ชินเสียตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขด้วย เลือกปลอกคอหรือเชือกจูงที่นุ่ม ใส่สบาย ราคาไม่ต้องแพงมาก็ได้ มาให้เค้าตั้งแต่วันนี้เลยนะจ๊ะ

               2. ภาชนะใส่อาหารและน้ำ อันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เจ้าตูบรู้จักว่าควร จะกินอาหาร ได้ตรงไหน ควรเลือกที่เป็นพลาสติกแข็ง ราคาไม่แพง แต่ถ้าจะเอาที่คงทนถาวรจริงๆ ก็ต้องใช้เป็นเซรามิคหรือสแตนเลส แต่อาจจะราคาสูงขึ้นมาอีก หากไม่ต้องการให้สุนัขกัดแทะภาชนะอาหารก็ต้องนำออกมา หลังจากให้ อาหารสุนัขกินแล้วประมาณ 20 นาที

               3. อาหารสำหรับสุนัข หากเราซื้อสุนัขมาจากผู้เพาะพันธุ์ก็ควรจะใช้ยี่ห้อเ ดียวกัน แต่หากต้องการจะเปลี่ยน ห้ามเปลี่ยนในทันที ควรจะให้ครบ 10 วันถึง 2 อาทิตย์ไปแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาในเรื่องการย่อยอาหาร การเลือกอาหารนั้นควรจะเลือกที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ ้วน อย่าเลือกแต่ว่าราคาถูกอย่างเดียว

               4. ของเล่น อันนี้เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าของเล่นจะช่วยฝึกทักษะของสุนัขในหลายด ้าน ทั้งยังช่วยแก้เหงาไปในตัวด้วย เราควรจะเลือกของเล่นที่มีความนุ่มพอ ไม่แข็งจนเกินไป จะต้องเลือกของเล่นที่แน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุนั ขในเวลาที่ เจ้าของไม่อยู่บ้าน มีบางคนแนะนำว่าของเล่นจำพวกเชือกก็ดี เราควรจะนำเชือกชุบน้ำให้เปียกแล้วแช่แข็ง จะช่วยขัดฟัน ขัดหินปูนให้สุนัข

               5. รางวัล การให้รางวัลเมื่อสุนัขทำตามคำสั่งในขณะฝึกอยู่นั้น จะช่วยให้สุนัขมีกำลังใจและเชื่อว่าถ้าเค้าทำเช่นนี้ จะได้รางวั ล เป็นการดีเพราะจะฝึกได้ง่ายขึ้น รางวัลที่ให้อาจเป็นขนมหรือแท่งหนังสำหรับกัดเล่น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะคำนึงถึงอายุของสุนัขด้วยว่าเ หมาะสมกับร างวัลประเภทใด

               6. โลชั่นหรือสเปรย์ป้องกันการกัดแทะของสุนัข โลชั่นหรือสเปรย์ชนิดนี่มีไว้สำหรับป้องกันไม่ให้สุน ัขไปกัดสิ่ งของที่ไม่ต้องการให้กัด จะมีรสขม เมื่อสุนัขไปกัดและพบว่าไม่อร่อยก็จะเลิกกัดไปเอง

               7. ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นและรอยเปื้อนบนพื้นบ้านหรือพรม สิ่งนี้จะช่วนให้เจ้าของหมดปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงปร ะสงค์จากมู ลของสุนัข
               8. ประตูสำหรับสุนัข หากเราอยากให้สุนัขเป็นอิสระ เข้าออกบ้านได้ตามต้องการ ก็ควรจะทำประตูเอาไว้ให้เค้าด้วย แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

                9. อุปกรณ์ทำความสะอาดและตัดแต่งขนสุนัข เลือกแชมพูให้เหมาะสมกับอายุ สีขน สภาพผิวหนัง และสภาพขนของสุนัข รวมทั้งการหัดแปรงฟัน หัดหวีขนให้ สิ่งเหล่านี้ควรทำตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข


ที่มา : โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
            ของเล่นของสุนัข ไม่ควรทิ้งไว้ให้เล่นเยอะเกินไปและไม่ควรมีเสียงดัง เพราะเสียงของเล่นจะทำให้สุนัขเมามันมากเกินไป อันที่จริง
สุนัขจะแทนของเล่นว่าเป็นเหยื่อ เมื่อสุนัขกัดของเล่นและสะบัดจะยิ่งเพิ่มความคึกคะนองทางอารมณ์อย่างมาก ซึ่งถ้าปล่อยให้เล่นมาก ๆ
ก็จะทำให้สุนัขเข้าสู่ความลุ่มหลง และเมื่อถูกแย่งของออกจากปาก อาจจะทำให้สุนัขเกิดความหวงเหยื่อ และเกิดความก้าวร้าวได้
วิธีเอาของออกจากปากสุนัขที่ดีที่สุด คือ หาของอย่างอื่น หรือขนมมาแลกเปลี่ยนกับของในปากแทนจะเป็นการเบนความสนใจของสุนัขได้

ที่มา : Dogazine และ Kapook.com
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

10 เรื่องของ ปอมเมอเรเนียน ที่อยากให้คุณรู้

          รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า บ่อยครั้งที่ผู้เลี้ยงสุนัข-แมว มักจะพกพาเอาคำถามที่เจ้าตัวสะดุดจากการสัมผัสสัตว์เลี้ยง โดยพบก้อนเนื้อ หรือรอยนูนใต้ผิวหนัง ด้วยเกรงว่านั่นอาจเป็นเนื้อร้ายก่อโรคมะเร็งที่จะมาพรากเจ้าตัวโปรด เพราะสุนัขก็สามารถเป็นมะเร็ง
ได้เช่นเดียวกับคน ทั้งมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก ฯลฯ
          ทั้งนี้ รศ.น.สพ.ปานเทพ บอกว่า ก้อนเนื้อที่คลำพบ อาจไม่ใช่เนื้อร้ายเสมอไป เพราะก้อนเนื้อนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ไม่ว่าจะเป็น อาการภูมิแพ้ หรือเป็นถุงห้อเลือด บางกรณีเป็นก้อนใหญ่สักหน่อย หรือมีเนื้อในนุ่ม ๆ อันเกิดจากไขมัน ก็เป็นเพียงก้อนไขมัน
ใต้ผิวหนัง ซึ่งต่างจากเนื้อร้ายที่จะรู้สึกจากมือสัมผัสได้ยากทีเดียว
          อย่างไรก็ดี หากพบก้อนเนื้อที่พบนั้นมีการขยายตัวเร็วและใหญ่ผิดปกติ และสัตว์เลี้ยงมีอาการเจ็บปวด มีเลือดออก หรือมีขอบขยุกขยิก
ไม่เรียบแทรกตัวไปในเนื้อเยื่อข้างเคียงใต้ผิวหนัง ฯลฯ ผู้เลี้ยงจะต้องนำสัตว์เลี้ยงมาพบสัตวแพทย์เพื่อรับการตรวจเช็ค ซึ่งการจะบอกได้ว่า
สัตว์เลี้ยงเป็นมะเร็งหรือไม่นั้น จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อต้องสงสัยส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยาตรวจ และรายงานผลมาให้ ก็จะทำให้รู้
อย่างชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาต่อไป


ที่มา : Kapook.com
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

ทำไมสุนัขถึงต้องเห่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น